พี่บุ๋ม สร้างสีสันให้น้องๆได้สดใสเสมอค่ะ ยืนยัน นอนยันอีกละกัน ทำงานเหนื่อยๆ พักผ่อนบ้่างนะพี่สาว ชาร์ตแบตเตอร์รี่เยอะๆแล้วมาจอยกันซัมเมอร์ น้องๆรอ ม่วนซื่นโฮแซวกับพี่บุ๋มกับคุณยาเส็กอยู่เด้อค่ะ
พี่บุ๋ม คิดถูกและทำถูกแล้วจ้า เหนื่อยๆมาทั้งปี ก็เที่ยวสนุกสนาน ครื้นเครง กำไรของชีวิต ยิ่งตอนนี้มีำกำลัง พลังเยอะ เดินทางสะดวก เอ๊ะ หรือพี่สาวขาลุยอย่างพี่บุ๋มต้องพึ่ง ยาดม ยาหม่อง ไหม เอ่ย 555+ มาแซวเล่นอีกละ ไปนอนแล้วเด้อ
Dobranoc
เอาใจช่วยให้คุณยายเลี้ยงคุณหญิงไข่มุก และรัก+ดูแลมันตลอดไปนะคะ...น่าสงสาร ถ้ามันไม่มีใครเลี้ยงมันด้วยความรัก
ขอปรบมือให้คุณชายโอเล่ที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีนะคะ (แม่สอนดีก็อย่างงี้แหละเนาะ)
อีนางแทมม ี่ตอนอายุได้ครึ่งปีแรกก็ซนเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ ตอนเย็นๆมา เป็นกิจวัตรเลย ที่คุณเธอต้องวิ่งกลับไปที่ประตูแล้วก็วิ่งกลับมากระโดดขึ้นเตียง แล้วก็กระโจนลงเตียงแล้ววิ่งไปประตูอีก วิ่งไปวิ่งมาอยู่นั่นแหละ จบหอบแฮกๆลิ้นห้อย หล่อนไม่ได้วิ่งแบบสมหญิง สวยๆน่ารักๆนะคะ แต่คุณเธอเล่นวิ่งหูตั้งเอาเป็นเอาตายเลยแหละ ทำยังกับว่า โตขึ้นมาชั้นจะเป็นนักกีฬาวิ่ง 4*100 เมตร เวลาเล่นกับเราก็เล่นแบบแรงๆข่วนได้ข่วนเลยแหละ แต่พออายุได้เกินครึ่งขวบ หล่อนก็จะเริ่มสงบเสงี่ยมขึ้นบ้าง สงสัยเริ่มกำลังรู้สึกตัวเองว่าตัวเองเป็นสาวสวย จากที่เคยวิ่งเล่นแบบเอาตายก็เปลี่ยนมาเป็นวิ่งแบบรักนวลสงวนตัวบ้าง เวลาเล่นกับเรา หล่อนก็จะระวังไม่ข่วนหรือทำให้เราเจ็บ(อันนี้เป็นเรื่องจริง ที่หมาจะอ่อนโยนมากขึ้น เมื่อถึงเวลาที่เขาสัมผัสได้ว่าใครรักเขา เขาก็จะรักตอบ รักภักดีเลยแหละ) อีกอย่าง ถ้าเราทำเป็นชมว่า "แทมมี่สวยจังเลยยยย" หล่อนก็จะทำหน้าเชิดๆแบบภูมิใจมากกก
ถ้าเรากำลังทาแป้งพัพอยู่ คุณเธอก็จะมาตะกุยขอแต่งหน้าบ้าง เราก็จะทำเป็นเอาแป้งพัพแตะๆหน้าให้ หล่อนก็จะทำหน้าเชิดๆนิ่งๆแล้วทำหูหลูบเหมือนกับว่า ท่านี้ฉันทำแล้วสวยสุด 555 ถ้าไม่เอาแป้งพัพแตะหน้าให้นะ โอ้โห ร้องไห้อยู่นั่นแหละ ร้องไม่หยุดด้วยนะ จนกว่าคุณเธอจะได้แต่งหน้า
แต่นิสัยที่ยังแก้ไม่หายตราบเท่าทุกวันนี้ก็คือ เวลาที่เราพาออกไปข้างนอก พอพ้นประตูออกไปแล้ว หล่อนก็จะพุ่งหลาวไปทันทีเลยแหละ จนเรากลัวว่าเชือกจะรัดคอหล่อนตาย แถมเวลาเจอคน หล่อนก็จะกระดี๊กระด๊ากระดิกตูดดิ๊กๆใส่้เลยแหละ เป็นมิตรกับคนมาก แต่ถ้าเจอคนเมาหล่อนจะถอยห่างเลยแหละ
เฮ้ออออ พูดเรื่องหมาแล้วต้องได้เมา์ท์ืยาวสิน่า...เนาะพี่บุ๋ม
พี่บุ๋ม เพื่อนสุ และคนรักแมว หรือคนที่หลงเ้ข้ามาอ่านทุกคนค่ะ
วันนี้ขอเล่าเรื่องแมวๆ ที่ผูกพันธ์กับครอบครัวสามีที่โปแลนด์ แมวตัวนี้ชื่อ คิชิกมีอายุ 15ปี ซึ่งถือว่าอายุยาวนานมาก ถ้าเทียบเป็นอายุคนก็ 80+ เป็นแมวตัวผู้สีดำ ตาเป็นสีเหลืองๆ ซึ่งไม่ค่อยจะมีให้เห็นมากนัก
และคนโบราณก็จะถือว่าเลี้ยงแมวดำไว้ในบ้านจะไม่เป็นมงคลว่างั้น..แต่เมื่อ 15 ปีที่แล้วสามียังเป็นหนุ่มน้อยและเก็บแมวตัวนี้ได้ ใกล้บ้าน และขอร้องกับที่บ้านอยากเลี้ยงไว้ ที่บ้านก็อนุญาตและให้เลี้ยงไว้เสมือนเป็นหนึ่งในครอบครัวเดียวกัน และคิชิกก็รู้ความ ฉี่และอึเป็นที่เป็นทางเพราะฝึกมาตั้งแต่เล็กๆเป็นที่รักของครอบครัวสามีบอกว่าผูกพันธ์กับแมว
ตัวนี้มากเพราะกินนอนด้วยกันว่างั้น
เกริ่นมาเยอะแล้วขอเล่าเหตุการณ์สำคัญคือ
เมื่อตอนที่ณีมาอยู่โปแลนด์ก็ยังเห็นคิชิกอยู่ในบ้านแต่ก็มีความรู้สึกแอบกลัวเหมือนกันเพราะ
เป็นแมวสีดำแถมตอนนอนก็ชอบมานอนปลายเท้าเราด้วย่คิชิกเค้าจะมีดีตรงที่ชอบมาคลอเคลียและมาออ้น ทำให้รู้สึกเอ็นดูขึ้นมา..
ตอนนั้นที่แต่งงานกันใหม่ๆ สามีก็ต้องกลับไปทำงานอังกฤษปล่อยให้ณีอยู่กับแมวและ สามีก็น่ารักบอกว่าไม่ต้องห่วงนะ ถึงเราจะห่างกันแต่เค้าฝากบอดี้การ์ดไว้ดูแล นั่นก็คือหนุ่มคิชิก นั่นเอง
เี๋ดี๋ยวมาเล่าต่อ วันนี้ง่วงแล้ว คลื่นสมองเริ่มรวนแล้ว ไปนอนก่อนนะค่ะ Dobranoc
เล่าเรื่องแมวตอนจบ
หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตที่โปแลนด์และมีแมวคอยเป็นเพื่อน และณีได้ให้อาหาร ให้น้ำและก็เก็บอึเค้า แมวตัวนี้มีระเบียบในการขับถ่ายมาก เพราะถูกฝึกมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ตลอดเวลาสิบห้าปีที่ครอบครัวได้ดูแล จากรุ่นยายสู่รุ่นหลาน ซึ่งผูกพันธ์มาก
เมื่อประมาณกลางปีที่แล้วแมวตัวนี้เค้าเริ่มป่วยออดๆแอดๆ เดินก็ไม่ค่อยไหว อาหารก็ไม่ค่อยอยากกินเหมือนเมื่อก่อนดูผอมลงไปมาก จนแม่ย่าต้องให้หมอสัตว์มาดูที่บ้านและให้น้ำเกลือ อาการก็ดีขึ้นมานิดหน่อยแต่แล้ว เหมือนร่างกายเค้าไม่ตอบรับยาที่หมอฉีดให้และน้ำเกลือ เค้าจะอาเจียนและไม่ยอมกินอาหารเลย หมอมาให้น้ำเกลือและฉีดยาอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ต้องปล่อยวางแล้วเพราะหมอบอกว่า แมวตัวนี้เค้าอายุมากแล้วคือ ใกล้จะลาจากแล้วหละ มีอย่างเดียวคือต้องทำใจ แม่น้ำตาซึมเห็นได้ชัดว่าแม่ดูซึมเศร้าไปถนัดตา
ส่วนสามีที่ทำงานอยู่อ้งกฤษได้รับข่าวจากแม่เรื่อยๆถึงอาการว่า คงต้องปล่่อยให้เค้าไปตามกาลเวลา หมอได้เสนอว่าจะวางยาสลบและฉีดยาให้เค้านอนหลับแล้วไม่ต้องตื่นเพื่อจะได้ไม่ทรมาน แต่ณีได้ขอร้องสามีไว้ว่า ขออย่าได้ตัดอายุขัยเค้าเลย ขอให้เ้ค้าไปด้วยธรรมชาติเถอด ส่วนเรื่องขับถ่ายที่ไม่เป็นที่นั้นณีจะดูแลเอง เพราะเึค้าเริ่มมองไม่เห็นและก็เดินโซเซด้วย น่าสงสารมาก
จนวันนั้นก็มาถึง คือณีไปทำธุระข้างนอก กลับเข้ามาแม่ก็บอกว่า คิชิก เสียแล้ว เชื่อไหมว่า ทุกคนร้องไห้กับแมวตัวนี้แบบไม่อายกันเลย เป็นครั้งแรกที่ณีร้องไห้ ปล่อยโฮ กับการเสียชีวิตของแมว นี่ขนาดว่าใช้เวลาด้วยกันแค่ไม่กี่เืดือนยังผูกพันธ์ได้ขนาดนี้ แล้วครอบครัวสามีหละ อยู่ด้วยกันมาตั้ง 15 ปี จะผูกพันธ์ขนาดไหน..พอสามีทราบข่าวก็เศร้าและเสียใจมาก
เวลาผ่านล่วงเลยมาหลายเดือนแต่ก็ยังมีพูดถึง คิชิก แมวสีดำ ตัวนี้อยู่เสมอ ถึงกายเค้าจะจากไปแต่ความผูกพันธ์กันยังมีให้ตลอดไป
นี่คือเรื่องจริงเรื่องแมวๆ แต่ซึ้งใจมาก เลยขอพื้นที่บ้านพี่บุ๋มมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
[QUOTE=bum]สงสัยกรรมตามสนอง..นินทาแม่ตัวเอง ฟ้าลงโทษ
อ้าว!!!พี่บุ๋ม ทำไมกรรมติดจรวดอย่างนั้นหนะ 55+ น่าจะไม่เกี่ยวกันมั๊งค่ะ ที่พี่บุ๋มพาแม่ไปหาหมอและดูแลท่านก็ถือว่าเป็นบุญสำคัญแล้ว ดูแลบุพาการีในบ้าน บุญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดค่ะ[ /QUOTE]